สารอาหารบำรุงตับ

เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับอาหารสุขภาพ ที่มีคุณประโยชน์ต่อตับ


            ตับคือหนึ่งในอวัยวะที่สําคัญของร่างกาย เป็นศูนย์กลาง ทําลายสารพิษทั้งหมดที่มาจากระบบทางเดินอาหาร นอกจากนี้ ยังเป็นอวัยวะสําคัญในการควบคุม     ระดับน้ําตาล ระดับไขมัน ในเลือด และสารเคมีสําคัญอีกมากมาย อาหารสุขภาพที่มีงาน วิจัยรองรับว่า มีคุณประโยชน์ต่อตับมีหลายชนิด อาทิเช่น

    • สาหร่ายสไปรูลินา

            สาหร่ายสไปรูลินา เป็นแหล่งของโปรตีนสมบูรณ์แบบที่เพียบ พร้อมด้วยกรดอะมิโนชนิดที่จําเป็นต่อร่างกาย รวมถึงสารอาหาร ต่างๆ อีกหลายชนิดที่มี

            ประโยชน์ในด้านการป้องกัน และบําบัด รักษาโรค เช่น วิตามินบีรวม แร่ธาตุ สารต้านอนุมูลอิสระ (เบตาแคโรทีน วิตามินอี) เป็นต้น มีงานวิจัยว่าสาหร่ายสไปรูลินา สามารถช่วยลดความเป็นอันตรายต่อตับเมื่อได้รับสารพิษได้ (อ้างอิงที่ 1-4)

    • โคลีน

            โคลีนเป็นสารสําคัญที่ใช้ในการสร้างสารสื่อประสาท (Acetyl- choline) มีบทบาทสําคัญคือ ทําให้ตับสามารถขนถ่ายไขมันได้ (Fat Transportation) และลดการสะสมไขมันในตับ (Hepatic Steastosis) การขาดโคลีนจะเกิดภาวะการสะสมไขมันที่ตับ (Fatty Liver)  (อ้างอิงที่ 5-8) 

    • วิตามิน

            การวิจัยเรื่องวิตามินในการบํารุงตับ ลดการอักเสบ หรืออาจ จะลดการลุกลามของโรคตับเรื้อรังบางชนิด มีมากมายทั้งคนและสัตว์ ตัวอย่างเช่น

    - มีงานวิจัยว่า การให้วิตามินอี ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ หรือสารต้านอนุมูลอิสระอื่น ป้องกันตับอักเสบในหนู นอกจากนี้ในหนูทดลอง การให้วิตามินเอก็สามารถป้องกันอันตรายตับต่อการได้รับสารพิษทําลายตับบางชนิดได้ (อ้างอิงที่ 9-10)

    - การวิจัยทางระบาดวิทยาก็พบว่า ในผู้ป่วยที่ดื่มแอลกอฮอล์มาก ซึ่งอาจทําให้เป็นโรคตับหลายชนิดตามมา พบว่า การมีวิตามิน และภาวะโภชนาการที่ดี สามารถช่วยป้องกันหรือลดความ รุนแรงของโรคตับเหล่านี้ได้ (อ้างอิงที่ 11) 

            สําหรับผู้ที่ดื่มสุราก็ยังมีการวิจัยแบบทดลองโดยตรง ด้วยการให้นิโคตินาไมด์ ซึ่งเป็นวิตามินบี 3 แก่อาสาสมัครที่ดื่มแอลกอฮอล์ปริมาณสูง พบว่าการให้วิตามินบี 3 สามารถลดอันตรายต่อตับในผู้ที่ดื่ม แอลกอฮอล์ปริมาณสูงได้ (อ้างอิงที่ 12)

    - มีงานวิจัยเชิงสรุปที่ตีพิมพ์ ข้อคิดเห็นว่า วิตามินที่มี คุณสมบัติเป็นสารต้าน อนุมูลอิสระ อาจจะมี ประโยชน์ในการช่วยลด การลุกลามของโรคตับ เรื้อรังบางชนิดได้ (อ้างอิงที่ 13) 

    - นอกจากนี้ ก็มีงานวิจัยที่ ทดลองในคนโดยตรงเป็นการวิจัยจากประเทศเยอรมัน ในผู้ป่วย 68 ราย      ในผู้ป่วยที่ต้องได้รับการผ่าตัดตับจากโรคมะเร็งตับ ทําให้ตับ ทั้งหมดต้องได้สภาวะการบาดเจ็บจากการขาดเลือดพบว่าการให้วิตามินอีก่อนผ่าตัด สามารถลดอันตรายการบาดเจ็บต่อตับ ได้อย่างแท้จริง(อ้างอิงที่ 14)

        • ทับทิม

ทับทิมมีคุณสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระ มีงายวิจัยที่แสดง ถึงว่าทับทิมช่วยลดอันตรายต่อตับเมื่อได้รับสารพิษเช่นกัน (อ้างอิงที่ 15)


เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับเลซิติน มิกซ์แคโรทีนอยด์ และวิตามินอี

            ตับเป็นอวัยวะที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในร่างกาย ทําหน้าที่สําคัญหลายประการ เมื่อใดก็ตามที่ตับทํางานไม่เป็นปกติ เช่น ไขมันพอกตับ ตับอักเสบ ตับแข็ง จะเกิดอาการอ่อนเพลีย เบื่ออาหาร ภูมิต้านทานต่ํา ขาดโปรตีน บวม เลือดออกง่าย แผลหายช้า น้ําตาล ในเลือดสูงหรือต่ํากว่าปกติ ไขมันในเลือดสูง ท้องมาน อาการทางสมอง ไตวาย หัวใจวาย และส่งผลต่อสุขภาพ โดยรวมของร่างกายในทุกระบบ

            ปัจจุบันมีผู้ป่วยที่ต้องเผชิญกับปัญหาโรคเกี่ยวกับตับเป็นจํานวนมาก โดยมีงานวิจัยรายงานว่า 30% ของคนทั่วไปมีภาวะไขมันพอกตับ (ศึกษาโดยการ ตรวจเนื้อเยื่อ) โดยกว่า 70% ของคนอ้วน จะมีภาวะ ไขมันพอกตับ และมีความเสี่ยงต่อภาวะตับอักเสบ และตับแข็ง และ 95% ของคนอ้วนที่ดื่มสุรา จะมี ภาวะไขมันพอกตับ และมีโอกาสเสี่ยงสูงที่จะเป็นตับอักเสบและตับแข็งได้

    นอกจากนี้ ยังพบว่าโรคเรื้อรังต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น เบาหวาน โรคอ้วน โรคหัวใจ อัมพฤกษ์ อัมพาต โรคมะเร็ง ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง โคเลสเตอรอลสูง ไตรกลีเซอไรด์สูง จะมีส่วนเชื่อมโยง ให้เกิดโรคเกี่ยวกับตับโดยเฉพาะไขมันพอกตับได้ มีรายงานว่า 80% ของผู้ป่วยเบาหวาน มีภาวะไขมัน พอกตับ และมีโอกาสเสียชีวิตจากโรคตับแข็งสูงกว่าการเสียชีวิตจากโรคหัวใจด้วยสัดส่วน 2.7 : 1.8 เลยทีเดียว

สารฟอสฟาทิดิลโคลีน ในเลซิติน มีบทบาทในการบํารุงตับ   ดังนี้

    • ช่วยในการก่าจัดไขมันออกจากเซลล์ตับ 

    • ยับยั้งการสะสมไขมันในเซลล์

       ตับเลซิตินที่มีฟอสฟาทิดิลโคลีนสูง จะช่วยแก้ปัญหาไขมันพอกตับได้เป็นอย่างดี

ทําความรู้จักกับเลซิติน

            เลซิติน (Lecithin) เป็นไขมันในกลุ่มฟอสโฟไลปิด (Phospholipid)   ซึ่งอุดมด้วยสาร   ฟอสฟาติดิล โคลีน (Phosphatidyl Choline) ที่มีคุณสมบัติ เข้ากันได้กับน้ําและน้ํามัน ถือเป็นตัวทําละลายที่ดี ช่วยในการทําละลาย โคเลสเตอรอลในเลือดให้แตกตัวเป็นอนุภาคขนาดเล็กๆ จึงลดการสะสม ของไขมันที่ตับและลดการสะสมของไขมันในผนังหลอดเลือด

แหล่งของเลซิตินที่พบได้ตามธรรมชาติ มีอยู่ 2 แหล่งที่สําคัญ คือ

    1. ร่างกายของมนุษย์ สามารถผลิตเลซิตินได้เองที่ “ตับ” แต่หากร่างกาย ขาดสารตั้งต้นสําหรับใช้ผลิตเลซิติน เช่น กรดไขมันจําเป็น วิตามินบี และ สารอาหารสําคัญอื่นๆ ก็จะส่งผลให้ร่างกายสร้างเลซิตินได้ไม่เพียงพอ

    2. แหล่งธรรมชาติ พบได้ทั้งในพืชและสัตว์ โดยจะพบมากในไข่แดง ถั่วเหลือง เมล็ดทานตะวัน ถั่วลิสง จมูกข้าว เป็นต้น แต่การบริโภคอาหาร เหล่านี้ในปริมาณมาก มักจะให้โคเลสเตอรอลสูงตามมาด้วย 

            ปัจจุบันจึงมีการสกัดเลซิตินเข้มข้นจากไข่แดงและถั่วเหลือง ซึ่งเลซิติน ที่สกัดจากถั่วเหลืองจะให้ประสิทธิภาพในการป้องกันสุขภาพได้ดีกว่าแหล่ง อื่น ๆ เพราะมีกรดไขมันชนิดไม่อิ่มตัวมากที่สุดและปราศจากโคเลสเตอรอลนั่นเอง

คุณสมบัติของเลซิติน

    • ดูแลตับ ปกป้องตับจากการเกิดภาวะไขมันพอกตับ บํารุงตับ ป้องกันตับอักเสบ ป้องกันตับแข็ง
    ลดภาวะไขมันพอกตับ  มีการศึกษากับผู้ป่วยที่ต้องได้รับ อาหารทางหลอดเลือดดําโดยตรงเป็นเวลานาน (Long term parenteral nutrition) จํานวน 15 คน ซึ่งผู้ป่วยกลุ่มนี้มักพบปัญหา ระดับโคลีนในเลือดต่ํา และพบว่าประมาณ 50% ของผู้ป่วยมี ภาวะตับอักเสบ จึงทดลองให้เลซิตินในผู้ป่วยกลุ่มนี้เป็นเวลา 6 สัปดาห์ พบว่า กลุ่มที่ได้รับเลซิตินมีระดับโคลีนในเลือดเพิ่มขึ้นมากกว่า 50% และมีการสะสมของไขมันที่ตับลดลงอย่างมีนัยสําคัญ เมื่อเทียบกับ ก่อนการทดลอง ดังตารางนี้


เนื่องจากเลซิตินจะลดการเกิดออกซิเดชั่นของไขมันภายในตับ ทําให้ไขมันไม่เกิดการรวมตัว จึงไม่ไปพอกที่เซลล์ตับ อีกทั้งเร่ง การเผาผลาญไขมันที่ตับ จึงทําให้ไม่เกิดการสะสม และลดการ ดูดซึมโคเลสเตอรอลที่เป็นสาเหตุสําคัญในการเกิดภาวะไขมันพอกตับนั่นเอง

    ป้องกันโรคตับจากแอลกอฮอล์  มีการศึกษาในลิงบาบูนพบว่า เลซิตินสามารถป้องกันการเกิดโรคตับแข็ง เนื่องจากการรับประทาน เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ โดยเลซิตินจะไปกระตุ้นการทํางานของ เอนไซม์คอลลาจีเนสในตับ จึงลดการสร้างพังผืดในตับ ลดการสะสมของไขมันในตับ ซึ่งเป็นสาเหตุของการพัฒนาไปสู่โรคตับแข็ง ป้องกันการเกิดออกซิเดชั่นของไขมันบริเวณตับ จึงไม่เกิดอนุมูลอิสระ ไปทําลายเซลล์และป้องกันภาวะจากการอักเสบของตับ

 กราฟด้านซ้าย 👉แสดงการเกิดภาวะโรคตับของลิงบาบูน ที่ได้รับเหล้าร่วมกับอาหารปกติ
 กราฟด้านขวา 👉แสดงการเกิดภาวะโรคตับของลิงบาบูน ที่ได้รับเหล้าร่วมกับฟอสฟาติดิลโคลีน
จากข้อมูลดังกล่าวพบว่า ลิงบาบูนที่ได้รับเหล้าจะพัฒนาไป เป็นตับแข็งเกือบทุกตัวภายใน 6 ปี แต่หากได้รับเหล้าร่วมกับ ฟอสฟาทิดิลโคลีน จะไม่เป็นตับแข็งแม้แต่ตัวเดียว

        ป้องกันตับจากสารพิษต่างๆ
    • ป้องกันตับจากพิษของยาบางประเภท ได้แก่ แอสไพริน ไอบูโพรเฟน ยาแก้อักเสบเตตร้าไซคลิน 
    • ป้องกันตับจากสารเคมีหรือพิษของยากําจัดศัตรูพืชต่างๆ
    • ป้องกันตับจากพิษของเห็ดบางชนิด 
    • ป้องกันตับจากรังสี

        บํารุงสมอง ช่วยพัฒนาการเรียนรู้ เสริมสร้างความจํา และลดอาการอัลไซเมอร์ในระยะเริ่มต้น ปัจจุบันการรักษา ทางการแพทย์ได้ใช้เลซิตินในการบําบัดโรคทางสมองต่างๆ เช่น โรคพาร์คินสัน (Parkinson's Disease) โรคอัลไซเมอร์ (Alzheimer's Disease) ซึ่งเป็นโรคทางสมองที่เกิดจากเซลล์ประสาทขาดสาร อะซิทิลโคลีน (Acetylcholine) หรือคนชราที่ป่วยเป็นโรคความจํา เสื่อม โดยพบว่าผู้สูงอายุที่มีภาวะความจําเสื่อมบางรายจะมีอาการ ดีขึ้น เมื่อได้รับประทานเลซิตินวันละ 25 กรัม ติดต่อกันเป็นเวลา หลายเดือน นอกจากนี้ยังมีการศึกษาในผู้ป่วยอัลไซเมอร์ระยะ เริ่มแรกพบว่า เมื่อได้รับโคลีนเป็นระยะเวลา 6 เดือน จะช่วยให้ ความจําดีขึ้นได้ หรือการให้โคลีนร่วมกับยาที่ใช้รักษา (Cholinesterase Inhibitors) ทําให้มีการพัฒนาความสามารถที่ต้องใช้ความจํา เพิ่มขึ้นได้

        ลดการดูดซึมโคเลสเตอรอล ดูแลหลอดเลือดและหัวใจ
ช่วยละลายไขมัน ป้องกันการตกตะกอนของไขมันในผนังหลอดเลือด ซึ่งเป็นสาเหตุทําให้หลอดเลือดแข็งและตีบตัน ป้องกัน การเกิด อัมพฤกษ์ อัมพาต
โดยมีการศึกษาทั้งในสัตว์ทดลองและผู้มีภาวะระดับโคเลส เตอรอลสูงพบว่า เลซิตินจะลดการดูดซึมโคเลสเตอรอล สามารถ ลดระดับไขมันชนิดไม่ดี (LDL) และไตรกลีเซอไรด์ได้ อีกทั้งช่วย เพิ่มระดับไขมันชนิดดี (HDL) ได้อีกด้วย จากคุณสมบัติดังกล่าว จึงทําให้ลดภาวะเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจอุดตันป้องกันภาวะหัวใจขาดเลือด อันนําไปสู่ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตาย หรือหัวใจวายเฉียบพลัน

กราฟแสดงระดับโคเลสเตอรอลของผู้ป่วยที่มีระดับโคเลสเตอรอลในเลือดสูง เปรียบเทียบระหว่าง ก่อนรับประทานเลซิติน รับประทาน 1 เดือน และรับประทาน 2 เดือน

        ลดความเสี่ยงในการเกิดนิ่วในถุงน้ําดี เลซิตินจะเพิ่มความสามารถในการทําละลายของน้ําดี ทําให้สารแขวนลอยใน น้ําดีไม่จับตัวเป็นก้อนจนกลายเป็นนิ่ว เพิ่มการหลั่งและการไหลเวียน ของน้ําดี และลดค่าดัชนีไขมันอิ่มตัว (Cholesterol saturation index)

        ช่วยลดน้ําหนัก ลดไขมันสะสม โดยช่วยละลายไขมัน จึงเผาผลาญไขมันได้ดี อย่างไรก็ตาม การได้รับเลซิตินเพียงอย่างเดียว อาจแก้ปัญหา ทางสุขภาพได้ไม่เพียงพอ เนื่องจากถึงแม้ว่าเลซิตินจะช่วยลด การสะสมไขมันที่ตับและผนังหลอดเลือดได้ แต่ยังคงหลงเหลือ ไขมันบางส่วนที่ยังสะสมอยู่ในเซลล์ดังกล่าว และยังมีไขมันบางส่วน ในกระแสเลือดที่มีโอกาสเกิดการสะสมพอกพูนได้เพิ่มเติม ดังนั้น ร่างกายจึงต้องการสารต้านอนุมูลอิสระประสิทธิภาพสูงเพิ่มเติม เพื่อปกป้องไขมันเหล่านี้ไม่ให้เกิดการออกซิเดชั่น และลดการอักเสบของเซลล์ จึงลดโอกาสการเกิดไขมันพอกตับและผนัง หลอดเลือดได้อีกทางนั่นเอง

เสริมประสิทธิภาพการทํางานของเลซิตินได้อย่างเต็มที่ ด้วยแคโรทีนอยด์  จากธรรมชาติ 4 ชนิด และวิตามินอี

            กล่าวกันว่า เลซิตินเพียงอย่างเดียว แก้ปัญหา สุขภาพ สมอง หัวใจ หลอดเลือด มะเร็ง และ ผิวพรรณ ได้เพียง 30% แต่หากได้รับเลซิตินชนิด ฟอสฟาทิดิลโคลีนสูง เสริมด้วยแคโรทีนอยด์จาก ธรรมชาติ 4 ชนิด และวิตามิน อี จะแก้ปัญหา ดังกล่าวได้ถึง 100%

        แคโรทีนอยด์จากธรรมชาติ 4 ชนิด (อัลฟาแคโรทีน เบต้าแคโรทีน แกมมาแคโรทีน และ ไลโคปีน)
        สารต้านอนุมูลอิสระประสิทธิภาพสูง ช่วยชะลอความแก่ และความเสื่อมของเซลส์ ส่งผลดีต่อสุขภาพโดยรวม
    • ดูแลปกป้องตับ โดยยับยั้งการเข้าจู่โจมของอนุมูลอิสระต่อเซลล์ตับ จึงลดการสะสมของไขมันในตับ ป้องกันตับ อักเสบ ป้องกันการเกิดมะเร็งตับจากพิษ Aflatoxin Bl (พิษจากเชื้อรา) และปกป้องตับจากเหล้า รวมทั้งภาวะน้ําตาล ในเลือดสูงในคนไข้เบาหวาน
    • ลดการทําลายผนังหลอดเลือดจากอนุมูลอิสระ ป้องกัน หลอดเลือดอักเสบและลดการออกซิเดชั่นของไขมันใน หลอดเลือด จึงลดการเกิดไขมันสะสมที่ผนังหลอดเลือดป้องกันภาวะหลอดเลือดแข็งตัว ลดโอกาสการเกิดหลอดเลือด ตีบตันของทุกอวัยวะ
    • ปกป้องสารพันธุกรรมจากการจู่โจมของอนุมูลอิสระ ลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งทุกชนิด
    • ปกป้องเซลล์ผิว ช่วยให้ผิวพรรณสดใส อ่อนวัย

วิตามินอี
            วิตามินอี มีชื่อเรียกว่า Tocopherol ซึ่งเป็นวิตามินที่ละลาย ในไขมัน และเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ  ที่สําคัญในร่างกายแต่ร่างกายสร้างเองไม่ได้ ต้องได้รับจากอาหาร
    • ช่วยต้านไม่ให้หลอดเลือดแข็งตัว ขยายหลอดเลือดฝอย 
    • ป้องกันการเกาะตัวของเกล็ดเลือดที่ผนังหลอดเลือด 
    • ลดโคเลสเตอรอล
    • มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ

            ซึ่งการใช้แคโรทีนอยด์และวิตามิน อี ร่วมกัน จะส่งเสริม ประสิทธิภาพการต้านออกซิเดชั่นได้ดียิ่งขึ้น โดยมีงานวิจัย รายงานว่า การเสริมแคโรทีนอยด์รวม ร่วมกับวิตามินอี จะเสริมฤทธิ์กันในการปกป้องเซลล์ตับจากอนุมูลอิสระ และ สามารถลดการเกิดมะเร็งตับในคนไข้ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ
ได้ถึง 50%

เลซิติน ชนิดฟอสฟาทิดิลโคลีนสูง เสริมด้วยแคโรทีนอยด์รวมจากธรรมชาติ 4 ชนิด และวิตามินอี จึงเหมาะกับบุคคลดังต่อไปนี้

    • ผู้ที่มีอาการเกี่ยวกับการทํางานของตับไม่ปกติ เช่น การย่อยอาหารไม่ดี แน่นท้อง จุกเสียดเป็นประจํา อ่อนเพลียง่าย 
    • ผู้ที่เป็นไวรัสตับอักเสบ บี และซี
    • ผู้ที่ดื่มเหล้าเป็นประจํา
    • ผู้ที่มีโรคประจําตัวหรือมีประวัติคนในครอบครัวที่มีความ เสี่ยงต่อการเป็นโรคต่อไปนี้
    - โรคเกี่ยวกับตับ ไขมันพอกตับ
    - เบาหวาน
    - อ้วน
    - โรคหัวใจ อัมพฤกษ์ อัมพาต
    - มะเร็ง
    - ความดันโลหิตสูง
    - ไขมันในเลือดสูง โคเลสเตอรอลสูง ไตรกลีเซอไรด์สูง 
    • ผู้ที่ต้องการบํารุงตับ
    • ผู้ที่ต้องการบํารุงสมอง ป้องกันอัลไซเมอร์
    • ผู้ที่ต้องการบํารุงและปกป้องระบบหลอดเลือดและหัวใจ 
    • ผู้ที่ต้องการบํารุงผิวพรรณ
    • ผู้สูงอายุ (50 ปีขึ้นไป)



🙏🙏🙏🙏🙏

คลิกภาพ หรือ แสกน QR Code เพื่อค้นหาสารอาหารบำรุงตับ

ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
https://www.richyhealthy.com/Lecithin.html



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับความคิดเห็น